ปลูกไม้ใบ ขยายพันธุ์ขาย งานเกษตรที่สร้างรายได้งามของ”อุดมการ์เด้น”

ในยุคที่สภาวการณ์ต่างๆ บนโลกพลิกผันไปอย่างคาดเดาไม่ได้หลายคนคงตกอยู่ในความวิตกกังวลว่า โรคร้ายจะระบาดถึงนานแค่ไหน เราจะตกงานไหม แล้วจะหาเงินสร้างรายได้ให้ครอบครัวอย่างไร และอีกหลายคำถาม

แต่สิ่งหนึ่งที่สวนกระแสสภาพเศรษฐกิจก็คือ ธุรกิจไม้ประดับที่มีแต่พุ่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะ “วงการไม้ใบ” มาฟังคุณอุดม ฐิตวัฒนะสกุล เจ้าของสวน  “สวนอุดมการ์เด้น” แหล่งผลิตไม้ใบรายใหญ่ของเมืองไทย และอดีตนายกสมาคมไม้ประดับแห่งประเทศไทย บอกเล่าประสบการณ์การฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนมาถึงจุดนี้กันค่ะ

คุณอุดมจบศึกษาศาสตร์ ได้ทำงานที่บริษัทเคมีการเกษตรอยู่หลายปี มีโอกาสไปดูงานต่างประเทศบ่อยๆ จึงได้เห็นได้เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากขึ้น และตัดสินใจลาออกไปทำงานกับบริษัทจัดสวนทำให้ได้เรียนรู้เรื่องราวของไม้ประดับในการจัดสวนมากขึ้น และยังได้นำความรู้ที่เราสะสมไว้มาปรับใช้กับงานนี้ได้

 ปลูกไม้ใบ

“จนในปี พ.ศ.2540 เป็นช่วงที่วิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่ เราเริ่มหาลู่ทางใหม่ๆ  ตอนนั้นไปเจอฟิโลซานาดูที่เพิ่งเริ่มมีการปลูกเลี้ยงกัน ก็ลองปลูกเป็นไม้กระถางและตัดใบขาย ในพื้นที่เล็กๆ แค่ 20-30 ตารางเมตร ก็ไปเปิดท้ายขายต้นไม้ตามตลาด ปรากฏว่าขายได้ดีมากและมีรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ช่วงนั้นเราคอยสำรวจตลาดบ่อยๆ ก็ไปเจอไม้อื่นที่ตลาดกำลังต้องการ โดยเฉพาะมอนสเตอร่า ที่ใช้กันมาก ทั้งงานมงคลและอวมงคล เราจึงวางแผนที่จะขยายพื้นที่เพื่อผลิตไม้ตัดใบและไม้ใบกระถางให้มีคุณภาพตรงกับที่ตลาดต้องการ”

“ผมมีพื้นฐานด้านการเกษตรอยู่แล้ว ด้วยคุณพ่อทำสวนกล้วยไม้ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 ซึ่งทำให้เราคลุกคลี และเรียนรู้การจัดการต่างๆ ทั้งการบริหารจัดการพื้นที่การเกษตร การจัดการน้ำ การป้องกันลม และการแก้ปัญหาต่างๆ หลังจากที่กิจการของเราเริ่มดีขึ้น ก็มองเห็นลู่ทาง จึงขยายพื้นที่โดยนำความรู้พื้นฐานด้านการเกษตรที่มีอยู่มาปรับใช้ พื้นที่แห่งนี้ประมาณ 60 ไร่ เป็นท้องร่องสวน เราก็ต้องถมร่องบางส่วน บางจุดยังคงไว้สำหรับปลูกไม้ตัดใบ และมีร่องน้ำไหลผ่านเพื่อควบคุมความชื้นให้เพียงพอ พร้อมกับขุดบ่อเก็บน้ำ เพื่อให้มีน้ำใช้ตลอดปี สิ่งสำคัญ เราพยายามจัดการสวนแบบไม่ใช้สารเคมีที่ส่งผลกับสิ่งแวดล้อมทั้งดินและน้ำ”

คุณอุดมเจอปัญหามากมายแต่ไม่เคยท้อถอยจนสามารถฟันฝ่าสิ่งเหล่านั้นมาได้ แต่ด้วยพื้นฐานครอบครัว ประสบการณ์การทำงานและความรู้ที่มีอยู่ จึงทำให้เขาภูมิใจกับอุปสรรคที่ทำให้ก้าวมาถึงจุดนี้  และยังกล่าวหนึ่งแรงบันดาลใจที่ขับเคลื่อนให้เขาพยายามจนถึงที่สุดนั่นคือ เพื่อนในวงการ

“ช่วงที่ผมเริ่มทำธุรกิจ ผมได้แรงบันดาลใจมาจากเพื่อนที่สิงคโปร์ เขาเป็นนักธุรกิจที่สามารถผลิตต้นไม้มาจัดในงานซีเกมส์ที่จัดที่สิงคโปร์ในปีนั้นได้ ทำให้เขาสามารถสร้างงาน สร้างเงิน และที่สำคัญคือสร้างสัมพันธภาพทางสังคม  เป็นสิ่งที่เราจำ เพราะเมื่อเรามาถึงจุดวิกฤต สามสิ่งนี้จะทำให้เราอยู่รอดได้ เขาคือคนที่ทำให้เราตั้งใจว่า ทำอย่างไรที่เราจะสามารถผลิตไม้ประดับป้อนตลาดใหญ่ที่มีอยู่ได้ และเราก็สามารถมาถึงจุดนี้ ที่สวนของเราสามารถผลิดต้นพันธุ์ไม้ใบโดยไม่ต้องซื้อจากแหล่งอื่นแค่เราหาต้นพันธุ์ให้ได้ เราก็เอามาเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในห้องปฏิบัติการที่ทำขึ้นตั้งแต่ปี 2543 เพื่อขยายพันธุ์ไม้ประดับไว้ปลูกในสวนและจำหน่ายไปยังตลาดได้ 

ปัจจุบันสวนอุดมการ์เด้นดำเนินกิจการมาเกือบยี่สิบปี และศูนย์ฝึกอบรม แหล่งเรียนรู้มานานกว่าสิบปีแล้ว ซึ่งมีผู้ที่สนใจแวะเวียนเข้ามาเรียนรู้กันไม่ขาดสาย นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ มาฝึกงานในภาคปฏิบัติกัน เพื่อต้องการให้เด็กรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และปลูกให้เป็น และที่สำคัญคือ ต้องวางแผนการทำงานเป็น

“แต่ละคนมีความสนใจ ความชอบแตกต่างกัน สิ่งสำคัญคือ ต้องค้นหาตัวเองให้เจอว่าเราชอบอะไร ชอบทำเกษตรจริงไหม อยากปลูกอะไร ต้นไม้แต่ละต้นมีมูลค่าต่างกัน เราสามารถสร้างให้มีมูลค่าได้ สร้างรายได้ที่ยั่งยืนได้ด้วยการเรียนรู้ ศึกษาให้ลึก ลองปฏิบัติด้วยตัวเอง โฟกัสเป้าหมายให้ถูกต้อง เหมาะสม พอดี และมีทิศทางที่ชัดเจน เมื่อนั้นเราจะสร้างงาน สร้างเพื่อน สร้างรายได้อย่างแน่นอนครับ” คุณอุดมกล่าว…

การปักชำกิ่งกวักมรกต เป็นผลงานของนักศึกษาที่มาฝึกงานที่อุดมการ์เด้น
ต้นกล้ามอนสเตอร่าที่ได้จากการเพาะเมล็ด ซึ่งต้นที่ได้มีโอกาสเกิดการกลายพันธุ์ได้
มอนสเตอร่า ‘มิ้นท์’ ที่กลายพันธุ์จากการชักนำด้วยฮอร์โมน
มอนสเตอร่าทที่กลายพันธุ์จากการเพาะเมล็ด เรียกกันว่า ไจแอนท์ด่างเหลือง
Philodendron joepii ที่มีใบแปลก มีราคาซื้อขายค่อนข้างสูง
Philodendron ‘Angela’เมื่อโตเต็มที่ใบจะมีขนาดใหญ่ถึง 1 เมตร

วิธีเพาะเมล็ดหน้าวัวใบ

1. นำฝักแก่ของหน้าวัวใบที่มีสีเหลืองสด มาล้างเปลือกออกให้เหลือแต่เมล็ด

2.โรยเมล็ดที่เตรียมไว้ลงบนลงวัสดุเพาะ รดด้วยสารละลายป้องกันกำจัดเชื้อรา วางในที่มีแสงรำไร รดน้ำให้ชุ่มชื้นสม่ำเสมอ สำหรับวัสดุเพาะนิยมใช้พีตมอสส์ ซึ่งเป็นวัสดุที่สะอาดและเก็บความชื้นได้ดี

3. เตรียมวัสดุปลูกสำหรับย้ายต้นกล้าหน้าวัวใบที่มีอายุประมาณ 1 เดือน นิยมใช้กาบมะพร้าวสับที่ผ่านการแช่น้ำแล้วอย่างน้อย 2-3 วัน

4. อีก 1 เดือน หลังย้ายกล้าลงปลูกในกระถาง ต้นจะเติบโตและเริ่ม ผลิใบจริงมีขนาดใหญ่ขึ้น

5. ประมาณ 6-8 เดือนหลังเพาะเมล็ด ต้นอ่อนจะแข็งแรง ผลิใบที่สมบูรณ์ ให้เห็นรูปทรงและลวดลายใบชัดเจน

หาข้อมูลทำเกษตรให้เป็นอาชีพหลังเกษียณจาก Garden & Farm vol.17 เตรียมเกษียณไปทำเกษตร

สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่นี่

 

ขอขอบคุณ

คุณอุดม ฐิตวัฒนะสกุล

ศูนย์ฝึกอบรมราชบุรี อุดมการ์เด้น  179 หมู่ 3 ตำบลดอนคลัง อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี  โทรศัพท์ 08-1809-1900

 

เรื่อง  วิฬารน้อย

ภาพ  อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม

 

วิธีปลูกราสป์เบอร์รี่ ในเมืองไทยก็ปลูกได้ ด้วยเทคนิคที่ง่ายกว่าที่คิด

เคล็ด (ไม่) ลับ ปลูกมะเขือเทศแฟนซี แบบไร้สารเคมี

ปลูกผักสลัดให้หวานกรอบอร่อย แค่รู้สูตร (ไม่) ลับที่ทำตามได้ง่าย